HPE

HPE ProLiant Gen10 Servers 

World most secure industry-standard servers – เซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
 
Hybrid Cloud เป็นทางออกสำหรับบริษัทที่ต้องการเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ดิจิตอล แต่ยังไม่พร้อมที่จะเอาระบบทั้งหมดไปที่ Cloud computing แม้ว่าจะเป็นระบบที่มีความคล่องตัวสูงสุดสำหรับธุรกิจ  Hybrid Cloud ช่วยให้บริษัทใช้ความประโยชน์หลักๆ ของการทำงานทั้งบนระบบ On-premises กับ Public cloud เช่น ความคล่องตัว (agility) ความปลอดภัย (Security) และความสามารถในการควบคุม (Control) ที่ครอบคลุมทั้งระบบ IT โดย HPE ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีของเซิร์ฟเวอร์ให้รองรับการทำงานในระบบ Hybrid IT ตั้งแต่ Generation 8 ซึ่งได้รับฉายาว่า “Self Sufficient Server with ProActive Insight Architecture1” จวบจน Generation 10 ที่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทาง IT และปกป้องข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลของคุณ ด้วย HPE ProLiant Generation 10 (Gen10) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัย (Security) ความคล่องตัว (Agility) และการควบคุมค่าใช้จ่าย (Economic control)

Security (ความปลอดภัย) – Silicon Root of Trust

Silicon Root of Trust ช่วยปิดช่องโหว่ที่เหล่า hacker มักจะชอบโจมตี นั่นคือ Firmware หรือ Bios ซึ่งเปรียบเสมือนห้องบังคับการบิน ทำให้การป้องกันภัยคุกคามในโลกยุคดิจิตอลน่าไว้วางใจยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะทำที่ระบบเน็ตเวิร์ค และแอพลิเคชั่นที่ทำงานหลังผ่านการ boot OS แล้วยังเพิ่มการป้องกันด้วยการออกแบบ ROM BIOS/UEFI2 และ HPE iLO53 (HPE Integrated Lights-Out Generation 5) โดยทำการบรรจุชุดคำสั่งควบคุมเครื่อง หรือ Firmware ที่ถูกเขียนขึ้นโดยมี digital signed เพื่อบ่งบอกตัวตนทุกครั้งที่ทำการ boot เครื่อง มีการตรวจสอบ firmware ซึ่งจะไม่สามารถ boot ได้หาก digital signed ไม่ตรงกับค่าที่ตั้งไว้ เป็นการ Secure boot รวมถึง ระหว่างการใช้งาน Server จะมีการตรวจสอบ (Verify) ชุดคำสั่งดังกล่าว เช่น ตั้งความถี่ในการตรวจสอบ และแจ้งหากพบความผิดปกติในการทำงานของ Server ให้ผู้ดูแลระบบทราบเพื่อทำการกู้คืน firmware ไปยังเวอร์ชั่นก่อนหน้า หรือดำเนินการโดยอัตโนมัติ หากมีการตั้งค่าไว้ ตลอดจนการลบข้อมูลทั้งหมดจาก HDD/SDD และ firmware ต่างๆ ทั้งใน UEFI BIOS และ iLO เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเมื่อเลิกใช้ Server ตัวนั้นๆ ทั้งหมดนี้เรียกว่า Silicon Root of Trust Integrated Lights-Out Generation 5) โดยทำการบรรจุชุดคำสั่งควบคุมเครื่อง หรือ Firmware ที่ถูกเขียนขึ้นโดยมี digital signed เพื่อบ่งบอกตัวตนทุกครั้งที่ทำการ boot เครื่อง มีการตรวจสอบ firmware ซึ่งจะไม่สามารถ boot ได้หาก digital signed ไม่ตรงกับค่าที่ตั้งไว้ เป็นการ Secure boot รวมถึง ระหว่างการใช้งาน Server จะมีการตรวจสอบ (Verify) ชุดคำสั่งดังกล่าว เช่น ตั้งความถี่ในการตรวจสอบ และแจ้งหากพบความผิดปกติในการทำงานของ Server ให้ผู้ดูแลระบบทราบเพื่อทำการกู้คืน firmware ไปยังเวอร์ชั่นก่อนหน้า หรือดำเนินการโดยอัตโนมัติ หากมีการตั้งค่าไว้ ตลอดจนการลบข้อมูลทั้งหมดจาก HDD/SDD และ firmware ต่างๆ ทั้งใน UEFI BIOS และ iLO เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเมื่อเลิกใช้ Server ตัวนั้นๆ ทั้งหมดนี้เรียกว่า Silicon Root of Trust 

ความสามารถในการป้องกันในรูปแบบอื่นๆ ที่มีอยู่ใน HPE ProLiant Gen10

  • มี mode รักษาความปลอดภัยของ Server ให้เลือกถึง 4 mode คือ Production Mode, High Security Mode, FIPS 140-2 Mode และ CNSA Mode (Commercial National Security Algorithms3) โดยเฉพาะ CNSA นั้น เป็นการเข้ารหัสตัวล่าสุดที่เปิดตัวโดย National Security Agency ของสหรัฐฯ ในปี 2016 เพื่อใช้แทนการเข้ารหัสแบบ NSA Suite B ที่มีความปลอดภัยยิ่งกว่า 
  • มีระบบ HPE Digitally Signed Firmware สำหรับ Hard Disk Drives (HDD) และ Solid-State Drives (SSD) ซึ่งอนุญาตให้ใช้ firmware ที่มี digital signed เพื่อแสดงตัวตนจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
  • มี Network Interface Care (NIC) ที่รองรับการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อป้องกันการ Hack ข้อมูลได้ (รุ่น 10/25Gb NIC)
  • Trusted Platform Module (TPM) คือ ไมโครชิฟที่ทำหน้าที่จัดเก็บรหัส เพื่อป้องกันการเข้าถึง Server และข้อมูลใน Disk จากผู้ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึง
  • รองรับการทำ Data Encryption บน HDD / SSD ด้วย HPE Smart Array SR Secure Encryption ซึ่งเป็น license ที่ทำงานร่วมกับ RAID Controller คิดค่า license ตามจำนวน Server โดย Disk ที่ถูกเข้ารหัสไว้จะไม่สามารถนำไปเปิดในเครื่องอื่นได้ ข้อมูลจึงได้รับการปกป้องให้ปลอดภัย
  • มี Chassis Intrusion detection ทำหน้าตรวจจับการบุกรุกภายใน Servers หลังจากประกอบเสร็จจากโรงงาน โดยเก็บในรูปของ log file ที่สามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง
เพื่อความมั่นใจสูงสุดสำหรับลูกค้า HPE ProLiant Gen10 Servers เรายังได้เชิญบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยอย่าง InfusionPoints Secure Business Solutions เข้ามาให้คำปรึกษา พร้อมให้คำแนะนำในการในการปรับปรุงความสามารถของ Server จนมั่นได้ว่า HPE ProLiant Gen10 เป็น Server ที่มีความปลอภัยสูงสุด 
 
Agility (ความคล่องแคล่ว ว่องไว)
นอกจาก HPE ProLiant Gen10 จะรองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable Family แล้ว ยังมีความสามารถอื่นๆ ดังนี้
  • มีการปรับปรุงให้ Server สามารถรองรับจำนวนลูก Disk ได้มากขึ้น และหลายรูปแบบ ทั้ง Hard Disk Drive, Solid State Disk, NVMe Drive, PCIe Accelerator และ M.2 Card / Drive เป็นต้น เพื่อรองรับเทคโนโลยี Software Defined Storage ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
  • รองรับ HPE Persistent Memory (NVDIMM) ซึ่งเป็น Blog Storage ที่รองรับความต้องการใช้งาน Database หรือ Application ยุคใหม่ที่ความเร็วสูงสุดระดับ memory ได้มากถึง 196GB หากไม่เพียงพอเรายังมี HPE Scalable Persistent Memory ที่เพิ่มความจุได้มากถึง 1TB
  • สนับสนุน HPE 25Gb Ethernet network adapters ที่เป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม IT ที่รองรับเทคโนโลยี 100Gb ในอนาคต
  • มี Intelligent System Tuning ที่ช่วยดึงความสามารถของ Server ได้สูงสุด ซึ่งประกอบด้วย
 - Jitter Smoothing: เป็นชุดคำสั่งที่ช่วยควบคุม Processor ให้ทำงานใน clock speed ที่เร็วและเสถียรที่สุด มีการปรับเปลี่ยนความเร็วขึ้นลงตลอดเวลาตามความสามารถของ Processor นั้นๆ ดังนั้นแล้ว Server จะทำการเรียนรู้ความสามารถของ Processor นั้นๆ โดยกำหนดให้ Server ทำงานที่ระดับความเร็วสูงสุด ณ จุดที่มีความเสถียรมากที่สุด
 - Core Booting: เป็นชุดคำสั่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Processor เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวน Core และ Clock speed ที่สูงกว่าค่ามาตรฐานของ Processor
 - Workload Matching คือ ชุดคำสั่งที่ช่วยปรับการทำงานของเครื่องให้เหมาะกับลักษณะของการใช้งาน โดยมีมากถึง 15 ชุดคำสั่ง ทำงานคล้ายกับฟังก์ชั่น Jazz, Pop, Rock, Classis, etc ที่มีในเครื่องเสียงสมัยใหม่ ซึ่งใช้งานง่ายกว่า Equalizer ทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น  
   >> Virtualization – Power Efficient ปรับให้ Server ใช้ไฟอย่างเต็มประสิทธิภาพสำหรับงาน Virtualization
   >> High Performance Compute ชุดคำสั่งให้ Server เรื่องประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เพื่อเน้นการประมวลผลสำหรับงาน High Performance Computing 
   >>> Custom เป็น mode ที่ให้ user สามารถปรับเปลี่ยนได้เองตามต้องการเหมือนอย่าง Equalizer ในเครื่องเสียง
  • HPE Integrated Lights-Out (iLO) Generation 5 ที่มีความเร็ว และความจุข้อมูลสูงกว่า HPE iLO4 รุ่นก่อนหน้าถึงเท่าตัว ช่วยเพิ่มความเร็วในการ boot Server การบริหารจัดการ และการ remote Server
 - มี iLO Service Port ที่ด้านหน้าเครื่อง พร้อม Fix IP 169.254.1.2 เพื่อง่ายต่อการใช้งาน
 - รองรับการทำงานร่วมกับ Redfish API เช่นเดียวกับ Gen9 ซึ่งเป็น RESTful API มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากผู้ดูแลระบบ และผู้พัฒนา software
 - รอบรับ HPE iLO Amplifier Pack ที่ทำหน้าที่สั่งงาน Server ผ่าน iLO ได้พร้อมกันถึง 1,000 nodes ไม่ว่าเป็นการเปิด ปิด เครื่อง การ update firmware/driver เป็นต้น
 - มี Active Health System (AHS) Viewer ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดดู log หรือข้อมูลที่เก็บไว้ใน AHS ซึ่งเปรียบเสมือนกล่องดำบนเครื่องบิน ซึ่งมีใน Gen8 และ Gen9 แต่สามารถดูได้โดย HPE engineer เท่านั้น
 - รองรับ iLO Advanced Premium Security Edition ซึ่งมีความสามารถของ iLO Advanced5  ซึ่งมีทั้งความปลอดภัย และอื่นๆ เช่น Secure Recovery, Firmware runtime validation, Secure Erase of NAND Data และ Commercial National Security Algorithms (CNSA) เป็นต้น

 

จุดเด่นของ HPE ProLiant Gen10 Series

  • HPE ProLiant DL360 Gen10: Server ในระดับ Premium สำหรับงานหลากหลาย ที่เน้นการประมวลผลเป็นหลัก ที่มีความสูง 1U แต่รองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable Family ตั้งแต่ 4 – 28 Cores, 85W – 205W, 1.8 – 3.6GHz ทั้ง Platinum, Gold, Silver และ Bronze ได้ถึง 2 ชุด, รองรับ HPE DDR4 SmartMemory ความเร็ว 2666MT/s ได้มากถึง 3TB หรือ NVDIMM ได้ 192GB, รองรับ Disk ขนาด 2.5” (SFF) ได้มากถึง 8+2  หน่วย / NVMe ขนาด 2.5” (SFF) ได้มากถึง 10 หน่วย หรือรองรับ Disk ขนาด 3.5” (LFF) ได้ 4 หน่วย เป็นต้น
  • HPE ProLiant DL380 Gen10: Server ในระดับ Premium สำหรับงานหลากหลาย ที่เน้นการประมวลผล และการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้ง Software Defined Storage ยุคใหม่ ที่มีความสูง 2U แต่รองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable Family ตั้งแต่ 4 – 28 Cores, 85W – 205W, 1.8 – 3.6GHz ทั้ง Platinum, Gold, Silver และ Bronze ได้ถึง 2 ชุด, รองรับ HPE DDR4 SmartMemory ความเร็ว 2666MT/s ได้มากถึง 3TB หรือ NVDIMM ได้ 192GB, รองรับ HPE Persistent memory ได้ถึง 1TB, รองรับ Disk ขนาด 2.5” (SFF) ได้มากถึง 24+6  หน่วย / NVMe ขนาด 2.5” (SFF) ได้มากถึง 20 หน่วย หรือรองรับ Disk ขนาด 3.5” (LFF) ได้มากถึง 12+4+3+2SFF หน่วย, รองรับ PCIe ได้มากถึง 8 slots และ GPU ได้ 3-5 ชุด เป็นต้น
  • HPE ProLiant DL560 Gen10: Server ในระดับ Premium ขนาด 2U ที่รองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable Family ตั้งแต่ 4 – 28 Cores, 85W – 205W, 2.0 – 3.6GHz ทั้ง Platinum และ Gold ได้ถึง 4 ชุด รองรับ HPE DDR4 SmartMemory ความเร็ว 2666MT/s ได้มากถึง 6TB หรือ NVDIMM ได้ 384GB, รองรับ Disk ขนาด 2.5” (SFF) ได้มากถึง 24  หน่วย / NVMe ขนาด 2.5” (SFF) ได้มากถึง 12 หน่วย, รองรับ PCIe ได้มากถึง 8 slots และ NVIDIA Quadro P2000 ได้ 2 ชุด เป็นต้น
  • HPE ProLiant BL460c Gen10 Server Blade รองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable Family ตั้งแต่ 4 – 26 Cores, 85W – 150W, 2.0 – 3.6GHz ทั้ง Platinum, Gold, Silver และ Bronze ได้ถึง 2 ชุด, รองรับ HPE DDR4 SmartMemory ความเร็ว 2666MT/s ได้มากถึง 1TB หรือ NVDIMM ได้ และรองรับ uFF SSD ได้ 4 หน่วย เป็นต้น
  • HPE Synergy 480 Gen10 Compute Module รองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable Family ตั้งแต่ 4 – 28 Cores, 85W – 205W, 1.7 – 3.6GHz ทั้ง Platinum, Gold, Silver และ Bronze ได้ถึง 2 ชุด, รองรับ HPE DDR4 SmartMemory ความเร็ว 2666MT/s ได้มากถึง 3.0TB หรือ NVDIMM ได้ และรองรับการเชื่อมต่อกับ Disk ภายนอก (DAS drive) ได้มากถึง 200 หน่วย, รองรับ GPU ทั้ง AMD FirePro และ NVIDIA Tesla & Quadro และรองรับ 25/50Gb Ethernet เป็นต้น
  • HPE Synergy 660 Gen10 Compute Module รองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable Family ตั้งแต่ 4 – 28 Cores, 85W – 205W, 2.0 – 3.6GHz ทั้ง Platinum และ Gold ได้ถึง 4 ชุด, รองรับ HPE DDR4 SmartMemory ความเร็ว 2666MT/s ได้มากถึง 6TB หรือ NVDIMM ได้ และรองรับการเชื่อมต่อกับ Disk ภายนอก (DAS drive) ได้มากถึง 200 หน่วย และรองรับ 25/50Gb Ethernet เป็นต้น
  • HPE SGI 8600 ซึ่งเป็น Server ในระดับของ Supercomputer ที่รองรับการ Scale ได้มากกว่า 10,000 nodes ด้วย Intel® Xeon® Processor Scalable family ซึ่งมพร้อม network switches และรองรับ hypercube technology ที่มีการระบายความร้อนด้วยน้ำ รองรับการทำงานร่วมกับ NVIDIA และ Intel® Xeon PhiTM 
  • HPE Apollo k6000 Gen10 System รองรับการ Scale ได้มากถึง 323 TFLOPS ต่อตู้ Rack รองรับ Intel® Xeon® Processor Scalable family ได้ 2 ขุดต่อ node, รองรับ HPE DDR4 SmartMemory ความเร็ว 2666MT/s ได้มากถึง 1TB, มี network switch ภายในที่รองรับทั้ง Ethernet, Intel Omni Path และ EDR InfiniBand เป็นต้น
  • HPE Apollo kl20 Server คือ Server แบบ Rack type ขนาด 2U สำหรับงาน HPC ที่ใช้ Intel® Xeon PhiTM processor เป็นหน่วยประมวลผล ได้มากถึง 272 cores, รองรับ memory ได้ถึง 1.5TB, รองรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากถึง 96TB และรองรับ network ทั้ง Ethernet, Intel Omni-Path และ Mellanox InfiniBand® เป็นต้น
  • HPE Apollo pc40 Server สำหรับงาน HPC / AI & Deep Learning ที่รองรับ NVIDIA® Tesla® แบบ PCI ได้มากถึง 4 หน่วย และรองรับ network ทั้ง Ethernet, Intel Omni-Path และ Mellanox InfiniBand® เป็นต้น
  • HPE Apollo sx40 Server หรับงาน HPC / AI & Deep Learning ที่รองรับ NVIDIA® Tesla® แบบ NVIDIA NVLink™ ได้มากถึง 4 หน่วย และรองรับ network ทั้ง Ethernet, Intel Omni-Path และ Mellanox InfiniBand® เป็นต้น

 


 

1 Compaq คือ รายแรกของโลกที่ผลิต Server ที่ใช้ x86 Processor ในปี 1989 ในชื่อ SystemPro โดยมีการควบกิจการกับ HP ในปี 2002 (ข้อมูลเพิ่มเติม https://en.wikipedia.org/wiki/Compaq_SystemPro) และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดคือ HP ProLiant Generation 8 ซึ่งมีการใส่ features ต่างๆ มากมาย เช่น HP Sea of Sensors 3D ที่มี Sensors มากมายโดย iLO ทำหน้าที่นำข้อมูลดังกล่าวมาปรับการใช้พลังงาน ความเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง ซึ่งเป็นพื้นฐานของ IOT ที่พูดกันอยู่ในยุคปัจจุบัน อีกทั้งมี Active Health System ที่ทำหน้าที่เก็บ System log เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนกล่องดำ (black box) ในเครื่องบิน, HP SmartMemory ที่ช่วยเพิ่มความเร็ว memory ที่เหนือกว่า memory ในท้องตลาดทั่วไป, HP SmartDrive ที่ช่วยบอกสถานะการทำงาน อีกทั้งความพร้อมในการถอด Disk ออกจากระบบระหว่างการทำงาน และลดเรื่อง Human error, HP Intelligent Provisioning ที่หน้าที่ในการเตรียม Driver ที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้ง OS เพื่อความสะดวก และถูกต้องในการเรียกใช้งาน, HP Discovery Services ที่ช่วยในการบอกตำแหน่ง Server บนตู้ Rack HP รวมทั้งการจำกัดการใช้พลังงานให้อยู่ในช่วงที่ datacenter สามารถให้ได้ เป็นต้น (ข้อมูลเพิ่มเติม https://ssl.www8.hp.com/de/de/pdf/innovative_technologies_in_hp_proliant_gen8_servers-technology_brief_tcm_144_1295462.pdf) 

2 UEFI (Unified Extensible Firmware Interface) คือ โปรแกรมควบคุมการทำงานของเครื่องที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อใช้กับ Intel – HP Itanium ในปี 1990 เพื่อทดแทน BIOS (Basic Input/Output System) ซึ่งมีข้อจำกัด (ข้อมูลเพิ่มเติม https://en.wikipedia.org/wiki/Unified_Extensible_Firmware_Interface)

3 HPE iLO (HPE Integrated Lights-Out) คือ ASIC Chip (Application Specific Integrated Circuit) หรือไมโครโปรเซสเซอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหน้าที่ดูแลจัดการๆ ทำงานของ Server รวมทั้งควบคุมระยะไกลผ่านระบบเน็ตเวิร์ค หรืออินเทอร์เน็ต ซึ่งมีอยู่ใน HP ProLiant Server ตั้งแต่ Generation 3 ที่เปิดตัวราวๆ ปี 2002 ซึ่งถูกพัฒนามาจาก HP Compaq ก่อนปี 2000 ในชื่อ Remote Insight Board (RIB) และเปลี่ยนเป็น Remote Insight Light-Out Edition ๖(RILOE) จนกลายเป็น iLO ในปัจจุบันนี้ (ข้อมูลเพิ่มเติม https://en.wikipedia.org/wiki/HP_Integrated_Lights-Out  และ https://www.hpe.com/us/en/servers/integrated-lights-out-ilo.html)

4 ข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://windowsontheory.files.wordpress.com/2017/06/cnsa-suite-and-quantum-computing-faq.pdf

5 iLO Advanced คือ license ที่ช่วยเพิ่มความสามารถการทำงานของ Integrated Light-out ยกตัวอย่างเช่น รองรับการ remote เข้าทำงานได้มากถึง 6 users (ในรุ่น iLO3 หรือสูงกว่า) พร้อมกัน ผ่าน network หรือ internet, รองรับการทำ record and playback VDO เพื่อใช้ดูในภาพหลัง, รองรับ 2 Factor Authentication (Kerberos, Smart Card-PIV/Common Access Card) เป็นต้น (ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.hpe.com/us/en/servers/integrated-lights-out-ilo.html) 


สนใจติดต่อ บริษัท ภัทร โปรเกรส จำกัด marketing@bhatarapro.com, 0 2732 2090, @Bhataraprogress