Aruba

ARUBA

Aruba Switch ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับ network รองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น IoT และบริหารจัดการผ่านระบบ cloud ได้ มีหลายรุ่นแตกต่างกันตาม Layer และการทำ Routing บริษัทส่วนใหญ่จะเริ่มจาก Switch Layer 3 ส่วนองค์กรการเงิน องค์กรทหาร ตำรวจ ก็อาจจะเลือกใช้ Layer สูงสุด คือ Layer 7

การทำ Layer แบ่งได้ดังนี้

  • Layer 2: data-link layer หลักการทำงานก็คือ จะส่งข้อมูลจาก port หนึ่งไปยังปลายทางที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้น ไม่มีการส่งออกไปยัง port อื่นๆ
  • Layer2+ สามารถทำงานของ Layer 2 ได้เมื่อเป็นการส่งข้อมูลในระดับ Layer 2 และมีคุณสมบัติในการทำ static routing
  • Layer 3 คืออุปกรณ์ในการทำ Routing (หาเส้นทางการรับส่งข้อมูลระหว่าง Network) เหมาะกับการใช้ในระบบ Network ที่มีการใช้งาน VLAN (VLAN เป็นการแบ่งพอร์ตต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสวิตซ์ให้ดูเสมือนว่าแยกกันอยู่คนละเน็ตเวิร์ก) และต้องการให้อุปกรณ์ Computer ที่อยู่ในแต่ละ VLAN สามารถติดต่อกันได้ สามารถทำงานระดับ Layer 2 ได้เมื่อเป็นการส่งข้อมูลในระดับ Layer 2 และมีคุณสมบัติในการทำ static routing และ dynamic routing
     

-         Static routing คือการกำหนดเส้นทางแบบตายตัวทำให้ Router ไม่ต้องหาเส้นทางอื่น ข้อมูลจะมีความปลอดภัยสูง เช่น การกำหนดเส้นทางการส่งข้อมูลจากบีทีเอสสยามไปบีทีเอสอโศก แต่มีข้อเสียคือถ้าสมมติสถานีระหว่างทางขัดข้อง จะทำให้ไปไม่ถึงปลายทางเพราะมีแค่เส้นทางเดียว

-         Dynamic routing คือการคำนวณหาเส้นทางที่สั้นที่สุดด้วยตัวมันเอง และถ้ามีเส้นทางใดถูกตัดขาด Router จะค้นหาเส้นทางอื่นมาทดแทนให้ เช่น การส่งข้อมูลจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ถ้ามีถนนบางเส้นพังก็ยังสามารถหาเส้นทางใหม่ได้ทดแทนได้

 

 

 

Access Point (Wireless)

Access Point (AP) คืออุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการกระจายสัญญาณไวร์เลส เป็นอุปกรณ์พื้นฐานตัวหนึ่งที่สามารถสร้างเครือข่ายไร้สายได้ง่ายที่สุด Access Point ต่างจาก Router ตรงที่จะมีเสาในการ รับ-ส่ง มากกว่า ทำให้เมื่อมีการเข้าใช้งานพร้อมกันเยอะๆ จะมีความรวดเร็วและเสถียรกว่า

 

 Aruba AP 550 Series และ Aruba AP 530 Series มาพร้อมกับเทคโนโลยี Wi-Fi 6 Aruba AP 550 Series จึงรองรับความเร็วสูงสุดถึง 5.95Gbps ในขณะที่ Aruba AP 530 Series นั้นมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 3.55Gbps เหนือล้ำกว่าเดิมขึ้นมาอีกขั้น รวมถึงยังได้เพิ่มความสามารถใหม่ๆ อีกมากมายเข้ามาเพิ่มเติม เช่น

 

  • รองรับ Associated Client Device ได้สูงสุดถึง 1,024 อุปกรณ์ต่อ Radio สูงกว่าเดิมที่เคยรองรับได้ที่ 256 อุปกรณ์เท่านั้น สูงกว่า 510 Series ก่อนหน้าที่รองรับเพียง 256 Associated Client Device เท่านั้น เพื่อตอบโจทย์ของ IoT และ Experience Edge ที่จะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม (ยังแนะนำให้จำกัด Active Client ที่ 200 ผู้ใช้งาน)
  • 550 Series รองรับประสิทธิภาพสูงสุดด้วย 8 Spatial Stream Single User ทำความเร็วสูงสุดได้ 4.8Gbps ต่อการเชื่อมต่อบนย่านความถี่ 5GHz รวมกับย่านความถี่ 2.4GHz ที่ทำความเร็วได้อีก 1.15Gbps เป็นความเร็วรวมทั้งสิ้น 5.95Gbps
  • 530 Series รองรับประสิทธิภาพสูงสุดด้วย 4 Spatial Stream Single User ทำความเร็วสูงสุดได้ 2.4Gbps ต่อการเชื่อมต่อบนย่านความถี่ 5GHz รวมกับย่านความถี่ 2.4GHz ที่ทำความเร็วได้อีก 1.15Gbps เป็นความเร็วรวมทั้งสิ้น 3.55Gbps
  • พอร์ต Ethernet รองรับความเร็วสูงสุดได้ 5Gbps ต่อพอร์ต เพื่อให้มี Uplink เพียงพอสำหรับการให้บริการ Wi-Fi ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • รองรับ PoE มาตรฐานใหม่ 802.3bt รับพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มที่ ทำงานได้ครบทุกความสามารถ
  • รองรับการใช้ PoE ได้ทั้ง 2 พอร์ต ทำให้ออกแบบระบบเครือข่ายไร้สายความทนทานสูงได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มการรองรับ Wi-Fi CERTIFIED Enhanced Open (OWE) สำหรับการให้บริการ Free Wi-Fi อย่างปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
  • 550 Series and 530 Series for Enterprises, SMBs, and branch office networks.